- ผนึกกำลังศิลปิน นักออกแบบ และผู้ประกอบการไทยกว่า 300 ราย ร่วมนำเสนอผลงานนวัตศิลป์ ต่อยอดเพิ่มคุณค่างานฝีมือไทย และเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางบนเวทีโลก
- เปิดให้บริการพร้อมไอคอนสยาม 10 พฤศจิกายนนี้ พบกับนิทรรศการผลงานของศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
วันนี้ ไอคอนสยาม อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต สัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามูลค่า 54,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้บริการในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2561 นี้ ประกาศเปิดตัว “ไอคอนคราฟต์” พื้นที่ที่เนรมิตขึ้นเป็นพิเศษในไอคอนสยาม เพื่อนำเสนอคุณค่าความเป็นไทยสู่ทุกสายตาทั่วโลก ด้วยการรวบรวมงาน นวัตศิลป์และงานคราฟต์แบบร่วมสมัยหลากหลายประเภทของคนไทยมาไว้ในที่เดียว เปิดโอกาสให้ช่างฝีมือไทยได้ต่อยอดความสามารถ เพิ่มคุณค่าในผลงาน ตลอดจนเพิ่มโอกาสและเพิ่มพื้นที่จัดแสดงและจำหน่ายผลงานของตนในโครงการที่จะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
นายไชยยง รัตนอังกูร ผู้บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ไอคอนสยามถูกรังสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด ‘การสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย’ หรือ Creating Shared Value และ ‘การร่วมกันรังสรรค์’ หรือ Co-Creation โดยมุ่งหวังที่จะรวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของไทยกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลกเข้าไว้ด้วยกัน และนำเสนอคุณค่าความเป็นไทยให้ทั่วโลกได้รู้จักและร่วมชื่นชม จึงเป็นแรงบันดาลใจในการเนรมิตพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร บนชั้น 4 และชั้น 5 ของไอคอนสยาม ให้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่พิเศษใช้ชื่อว่า ‘ไอคอนคราฟต์’ โดยผนึกความร่วมมือกับนักออกแบบ นักสร้างสรรค์ นักพัฒนานวัตกรรม และช่างฝีมือหลากหลายแขนง จำนวนกว่า 300 ราย ร่วมกันนำเสนองานนวัตศิลป์และงานคราฟต์ของไทยอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสืบสานภูมิปัญญางานช่างฝีมือของไทย ส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดเพื่อยกระดับและเพิ่มคุณค่า ตลอดจนเผยแพร่งานนวัตศิลป์และงานคราฟต์ฝีมือคนไทยให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก เป็นการเพิ่มโอกาสในการจัดแสดงและจัดจำหน่าย ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้กระจายไปทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันไอคอนคราฟต์มุ่งหวังจะเป็นอีกแม็กเน็ตหนึ่งทางด้านการท่องเที่ยวที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกผู้ชื่นชอบงานคราฟต์ให้อยากเดินทางมาเยือนประเทศไทย
‘ไอคอนคราฟต์’ ถูกนำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Innovative Craft designed for everyday life’ คือการนำงานแบบเก่าและความโบราณมาปรับให้เป็นงานสมัยใหม่ เกิดเป็นศูนย์กลางงานนวัตศิลป์และงานคราฟต์ไทยแบบร่วมสมัยที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน โดยนักออกแบบรุ่นใหม่จะได้มีโอกาสนำทักษะงานช่างจากอดีตซึ่งมีคุณค่ามาสืบสานและพัฒนาต่อยอดให้เกิดเป็นรูปแบบที่น่าสนใจ มีความแปลกใหม่ สามารถเข้าถึงได้ง่าย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ
การจัดสรรพื้นที่ของไอคอนคราฟต์ ได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากสาขาวิชาชีพของช่างสิบหมู่ของไทย โดยแบ่งเป็น 7 โซนหลัก ได้แก่ (1) The Smith งานช่างทอง ช่างโลหะต่าง ๆ (2) The Painter งานลงสีลงยา งานเขียน วาดลวดลาย งานลงรักปิดทอง (3) The Sculptor งานปั้น (4) The Carpenter งานช่างไม้ ช่างแกะสลัก (5) The Weaver งานช่างทอ ช่างจักสาน (6) The Gastronomer งานปรุง งานสร้างสรรค์อาหาร และ (7) The Therapist งานแพทย์แผนไทยและผลิตภัณฑ์สำหรับการบำบัดและดูแลสุขภาพ นอกจากนั้นยังมีโซนสำหรับจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็น House Brand ของไอคอนคราฟต์ โซนเฉพาะสำหรับนักออกแบบรับเชิญที่จะเข้ามาจัดแสดงผลงานแบบหมุนเวียน โซนที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมสร้างสรรค์ผลงานได้ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของศิลปินนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญ เและโซนพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย
นางปารีสา จาตนิลพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ไอคอนคราฟต์จะเป็นเสมือน Multi-Brand Store ขนาดใหญ่ ที่รวบรวมงานนวัตศิลป์และงานคราฟต์ของคนไทยมานำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัย โดยได้คัดเลือกผู้ประกอบการและศิลปินนักออกแบบทั้งรายใหม่และรายเดิมที่อยากจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ รวมไปถึงผู้ประกอบการและนักออกแบบจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ เข้ามาร่วมมือกับไอคอนสยามในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการทำงาน การขาย การพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ให้ดูทันสมัยและใช้งานได้จริง จึงเป็นการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริงเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้แก่วงการงานนวัตศิลป์และงานคราฟต์ของไทย”
“นอกเหนือจากจะจัดแสดงและจำหน่ายผลงานของช่างฝีมือไทยแล้ว ไอคอนคราฟต์ยังเปิดพื้นที่ Campus Zone ให้นักเรียนและนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับงานออกแบบและงานช่างศิลป์ด้านต่างๆ ได้นำผลงานมาจำหน่าย พร้อมกับทดลองตลาดเพื่อนำไปปรับปรุงผลงานตลอดจนพัฒนาแนวทางการตลาดให้ดียิ่งขึ้น เป็นการสนับสนุนและบ่มเพาะอนาคตของชาติให้เติบโตเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพในอนาคต โดยในช่วงแรกได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยศิลปากรและสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นำผลงานการออกแบบซึ่งเป็นงานวิทยานิพนธ์ที่มีความแปลกใหม่และผ่านการคัดเลือกแล้วของทั้งสองสถาบันมาจัดแสดง ส่วนในอนาคต Campus Zone พร้อมเปิดพื้นที่ต้อนรับงานคราฟต์จากสถาบันการศึกษาอื่นๆ และผลงานจากทั่วโลกให้มาจัดแสดงที่นี่ด้วย” นางปารีสา กล่าว
นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกผู้ออกแบบพื้นที่ไอคอนคราฟต์ กล่าวว่า “ไอคอนคราฟต์ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้น 4 และชั้น 5 ของไอคอนสยามฝั่งที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่โดดเด่นและมีความสำคัญมาก จึงมีแนวคิดที่จะทำให้เป็นเสมือนหัวแหวนที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่มาเยือนไอคอนสยาม ภายใต้หัวใจสำคัญคือการออกแบบให้มีลักษณะและความรู้สึกแบบไทย แต่ก็มีความทันสมัยและอยู่ร่วมกับปัจจุบันได้อย่างกลมกลืน โดยได้นำรากของวัฒนธรรมและงานฝีมือมาใช้ในงานสถาปัตยกรรมในมุมมองแบบใหม่ ซึ่งเป็นมุมมองของสถาปนิก ที่แตกต่างไปจากมุมมองของนักออกแบบผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของงานคราฟต์ได้อย่างแปลกใหม่น่าสนใจ นอกจากนั้น ยังได้ผสมผสานกับแนวคิดการสร้างงานแบบ Authenticity มีความตรงไปตรงมาตั้งแต่ระดับโครงสร้าง คือสถาปัตยกรรมในไอคอนคราฟต์จะต้องสวยงามทั้งภายนอกและมีโครงสร้างที่เหมือนกันอยู่ด้านในด้วย ไม่ได้เป็นเพียงโครงธรรมดาที่ตกแต่งสวยงามเฉพาะด้านนอกเท่านั้น”
“ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือการพัฒนาคอนเซ็ปต์การออกแบบไปพร้อมๆ กับไอคอนสยามแบบ co-evolve จนได้ภาพที่ชัดเจนร่วมกัน คือรูปทรงออร์แกนิกหรือรูปทรงที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากงานคราฟต์ของไทยที่มีเส้นโค้งและความอ่อนช้อย ดังนั้นในไอคอนคราฟต์จะเต็มไปด้วยเส้นโค้งที่ทำให้เกิดมุมมองแตกต่างกันออกไปเมื่อมองจากแต่ละมุม ให้ความรู้สึกว่าพื้นที่แต่ละส่วนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา น่าตื่นเต้น และคาดเดาไม่ได้ว่าจะเห็นอะไรในมุมต่อๆ ไป อีกทั้งยังมีดีไซน์ของเครื่องมือที่ใช้ในงานคราฟ์ต่างๆ ผสมผสานสอดแทรกอยู่ในงานสถาปัตยกรรมด้วยวิธี abstract ไอคอนคราฟต์จึงเป็นพื้นที่บอกเล่าเรื่องราวของคนไทย ผ่านงานฝีมือของคนไทยซึ่งก้าวผ่านข้อจำกัดด้านวัฒนธรรมและเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความสนุกสนาน ความร่าเริงแบบไทยๆ ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้มาเยี่ยมเยือนกลับไปสร้างสรรค์อะไรบางอย่างด้วยตัวเอง หรือต้องการเข้ามามีส่วนสัมผัสประสบการณ์การสร้างสรรค์ร่วมกัน” นายดวงฤทธิ์ กล่าว
ม.ล. ภาวิณี สันติศิริ ซึ่งให้เกียรติมาร่วมสร้างสรรค์ไอคอนคราฟต์ในฐานะ Art Director ผู้ควบคุมการตกแต่งภายใน กล่าวว่า “พื้นที่ทั้งหมดของไอคอนคราฟต์ได้รับการตกแต่งภายในให้มีความเป็นไทยที่ผสมผสานความทันสมัยเอาไว้อย่างกลมกลืน เพื่อให้ดูร่วมสมัยและสอดรับกับวิถีชีวิตตลอดจนความสนใจของคนในยุคปัจจุบัน แต่ยังคงเอกลักษณ์ทางศิลปะและวัฒนธรรมของไทยเอาไว้ โดยได้หยิบยกอาชีพช่างสิบหมู่ส่วนหนึ่งมาเป็นแนวคิดและแรงบันดาลใจในการจัดสรรพื้นที่สำหรับนำเสนอผลงานความคิดสร้างสรรค์ของช่างฝีมือไทย”
ม.ล. ภาวิณี กล่าวว่า “ในพื้นที่ทั้ง 7 โซนของไอคอนคราฟต์ จะมี Art Installation หรืองานศิลปะประจำโซน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาและภูมิปัญญาเบื้องหลังผลงานหรือผลิตภัณฑ์ในโซนนั้นๆ โดยไอคอนสยามได้รับเกียรติจากศิลปิน นักออกแบบที่มีชื่อเสียง หรือปรมาจารย์ทางด้านงานคราฟต์ มาร่วมสร้างสรรค์ Art Installation ทั้ง 7 ชิ้น ได้แก่ โซน The Smith โดยคุณ จิระเดช และคุณพรพิไล มีมาลัย เจ้าของรางวัล Asian Cultural Council Fellowship Awards New York ปี 2010 โซน The Painter โดยคุณพลอย จริยเวช นักเขียน นักแปล และนักออกแบบคอนเซ็ปต์ชื่อดัง โซน The Sculptor โดยคุณอุดม อุดมศรีอนันต์ เจ้าของรางวัล Grand Prize Award จากงาน Design of the Year 2004 โซน The Carpenter โดยคุณสุวรรณ คงขุนเทียน เจ้าของรางวัล Grand Prize Award จากงาน Design of the Year 2004 โซน The Weaver โดยคุณน้ำฝน ไล่สัตรูไกล นักออกแบบผู้เชี่ยวชาญการผสมผสานศิลปะ สิ่งทอ และแฟชั่นเข้าด้วยกัน เจ้าของรางวัล Design of the Year Award 2017 สาขา Textile Design โซน The Gastronomer โดย ผศ.เอกรัตน์ วงษ์จริต และโซน The Therapist โดยคุณสกุล อินทกุล ศิลปินนักจัดดอกไม้ชื่อดังระดับโลก และผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้”
ไอคอนคราฟต์จัดแสดงผลงานและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 5,000 ชิ้น โดยช่างฝีมือไทยกว่า 300 ราย อาทิ แบรนด์ Angsa, Prem วัวลาย, Coth Studio, เบญจรงค์ ศ หลังสวน, homlom, เบญจเมธา, Sumphat, Doting, Thxful for Small mercies, AWA décor, Yano handicraft, Bhukram, Mathatra, บุญรัตน์ไทยคราฟท์, Borriboon Craft, Ayodhaya, SAIJAI RICE เมฆไอศครีม, หิว Hungre.he, Akha Ama Coffee, monsoon tea, เฌอ ชีวา, ภูโคลน, ยันต์, Maleeya Natural Product, WATAPO และ nuaynardhandcraft
ไอคอนคราฟต์ มีกำหนดเปิดให้บริการพร้อมไอคอนสยาม ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ โดยมีอีกหนึ่งไฮไลท์พิเศษคือ นิทรรศการ “สยามทำมือ” ซึ่งจะจัดแสดงต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2562 ผลงานโดยคุณวิภู ศรีวิลาส ศิลปินไทยชื่อดังที่ประสบความสำเร็จในระดับสากล ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศออสเตรเลียมานานกว่า 15 ปี และมีงานแสดงผลงานเซรามิคในหลายประเทศทั่วโลก