พอถึงหน้าฝนของทุกปี ซึ่งบางคนอาจมองว่าการที่ฝนตก จะเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต ด้วยเหตุผลว่าต้องไปเรียน ไปทำงาน และยังลามไปถึงวันหยุดของหลายคน ต้องทนติดฝนทนอยู่ที่บ้าน แต่หน้าฝนปีนี้ “บัตรมิวมาส” จะชวนไปทำกิจกรรมสุดว้าว พร้อมสัมผัสเสน่ห์เมืองเก่าที่ยังคงเร้าใจ กับ 6 แหล่งเรียนรู้ ที่จะทำให้ลืมทุกอุปสรรค์ในหน้าฝน และไม่ต้องทนอยู่บ้านอีกต่อไป ซึ่งจุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นั่นคือจังหวัด “สุพรรณบุรี” พื้นที่ที่มีแหล่งเรียนรู้อย่างครบครัน และเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย ถ้าพร้อมแล้วอย่าลืมหยิบบัตรมิวพาส และวาร์ปไปสุพรรณบุรีกันเลย

ลูกหลานพันธุ์มังกรต้องไป แหล่งเรียนรู้อารยธรรมไทย-จีน

รูปปั้นมังกรขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านภายในหมู่บ้านมังกรสวรรค์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 กลายแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรีไปแล้ว ภายในประกอบด้วยส่วนที่เป็นไฮไลท์สำคัญ คือ “พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร” แหล่งเรียนรู้ที่นำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของชาวจีนในประเทศไทย ตลอดจนประวัติศาสตร์และอารยธรรมจีนที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ด้วยเทคนิคการจัดแสดงที่ทันสมัย อาทิ ภาพยนตร์ ระบบโสตทัศนูปกรณ์ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ แสง เสียง หุ่นจำลอง โดยเปิดให้เข้าชมสัปดาห์ละ 5 วัน คือ ตั้งแต่วันพุธจนถึงวันอาทิตย์ ซึ่งผู้ถือบัตรมิวพาสเพียงแสดงบัตร หรือ ดิจิทัลการ์ดในแอปพลิเคชัน มิวเซียมไทยแลนด์ (Museum Thailand) เพื่อเข้าชมได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ครบเครื่องเรื่องสุพรรณบุรี มีให้ศึกษาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

ไปเยือนสุพรรณบุรีทั้งที ก็ต้องไปให้ถึง “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุพรรณบุรี” เพราะสถานที่แห่งนี้ได้รวบรวมเรื่องราว
วิถีชีวิตของชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน จัดแสดงหลักฐานทางโบราณคดี ศิลปวัตถุจากโบราณสถานสำคัญ ร่องรอยของเตาเผาที่ผลิตเครื่องปั้นดินเผาโบราณ บันทึกวรรณกรรมชื่อดัง 2 เรื่องที่เกี่ยวกับเมืองสุพรรณบุรี ได้แก่ เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน และโคลงนิราศสุพรรณ การจัดแสดงหุ่นจำลองประกอบสื่อ จำลองการเล่นเพลงพื้นบ้าน ที่นิยมเล่นกันในเทศกาลต่างๆ ได้แก่ เพลงอีแซว และเพลงเรือ การจัดแสดงผลงานของศิลปินเพลงลูกทุ่งชาวสุพรรณที่มีชื่อเสียง อาทิ
ก้าน แก้วสุพรรณ สุรพล สมบัติเจริญ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศรเพชร ศรสุพรรณ สายัณห์ สัญญา และพุ่มพวง ดวงจันทร์
ซึ่งหากอยากรู้จักจังหวัดสุพรรณบุรีให้มากขึ้น สามารถเข้าชมได้ในวันพุธถึงวันอาทิตย์เช่นกัน

ชมวิวเมืองสุพรรณบุรีจากทำเลหอคอยที่ดีที่สุด

ไม่มีมุมไหนที่จะได้เห็นวิวของจังหวัดสุพรรณบุรีได้มากเท่าที่นี่อีกแล้ว นั่นคือ “หอคอยบรรหาร-แจ่มใส” ภายในสวนเฉลิมภัทรราชินี ที่ตั้งอยู่ในทำเลดีใจกลางเมือง ซึ่งเป็นหอคอยแห่งแรกและเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่ยังไม่มีที่ไหนโค่นแชมป์ได้ โดยมีความสูงถึง 123.25 เมตร และมีส่องทางไกลไว้รอบด้าน อีกทั้งยังจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองสุพรรณบุรี ที่นำเสนอประวัติศาสตร์ วรรณคดี ศิลปวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรีไว้ทั้งหมด และบริเวณโดยรอบมีสวนดอกไม้นานาพันธุ์ สวนปาล์ม สวนน้ำพุประกอบดนตรี ธารน้ำตก สไลเดอร์ สนามเด็กเล่น เรียกได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะกับการพาครอบครัวไปพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งเปิดให้เข้าชมในวันอังคารถึงวันศุกร์

แวะไปเรียนรู้วิถีชาวนาและการปลูกข้าว ลึกซึ้งด้วยเรื่องราวประเพณี

เสน่ห์อีกอย่างของคนไทยภาคกลาง คือ วิถีชีวิตที่ผูกพันธ์กับการทำนาปลูกข้าว ซึ่งถ้าใครได้ไปเยือนจังหวัดสุพรรณบุรี จะยิ่งทำให้เรื่องราวของชาวนาและการปลูกข้าวจะยิ่งน่าสนใจขึ้น เพราะที่ “ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย” (นาเฮียใช้) เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ก่อตั้งเพื่อเป็นศูนย์รวบความรู้เรื่องข้าวและชาวนาไทยอย่างครบวงจร ที่เริ่มตั้งแต่การรวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าวที่สำคัญของไทยมาจัดแสดง วิถีชีวิตของชาวนาไทยทั้งแต่อดีตที่เชื่อมโยงภูมิปัญญาและประเพณี ซึ่งหาชมได้ยากในปัจจุบันเนื่องจากคนรุ่นหลังไม่ค่อยได้สืบทอด โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมแหล่งเรียนรู้แห่งนี้ทุกวัน

ย้อนตำนานตลาดเก้าห้อง ชุมชนเก่าแก่สุดครึกครื้นจากอดีตถึงปัจจุบัน

ท่ามกลางความเจริญของชุมชนเมืองที่ค่อยๆกลืนสภาพบ้านเรือนในยุคเก่า สู่ชุมชนสไตล์โมเดิร์นไปเรื่อยๆ แต่ที่ “ตลาดเก้าห้อง” ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่สะท้อนวิถีชุมชนชาวตลาด ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2477 ซึ่งเป็นอาคารเรือนไม้สองชั้นเก่าแก่ที่ยังคงดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมอย่างเรียบง่ายเหมือนเมื่อสมัยก่อน โดยในตลาดมีห้องพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของใช้ในสมัยโบราณของชาวสุพรรณ อันซีนกับหอดูโจรหนึ่งเดียวในสุพรรณบุรี ที่ใช้สอดส่องโจรที่จะมาบุกปล้นหมู่บ้าน ซึ่งหอดูโจรแห่งนี้อยู่ในยุคแห่งจอมโจรชื่อดังในภาคกลาง อาทิ เสือมเหศวร เสือดำ เสือหวัด เสือฝ้าย และเสือใบ นอกจากนี้ ยังรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ที่รวบรวมมาจากชาวบ้านในชุมชน เช่น วิทยุโบราณที่ใช้หลอดสูญญากาศ ตาชั่งเก่า ของใช้ในชีวิตประจำวันที่มีอายุหลายสิบปี รูปถ่ายย้อนยุคของชาวชุมชนตลาดเก้าห้องมาให้ชมกันอีกด้วย

สวมบทนักสืบกับภารกิจแกะรอยตัวละครในวรรณคดีชื่อดัง ขุนข้างขุนแผน

เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก “ขุนช้างขุนแผน” วรรณคดีไทยชื่อก้องที่ปรากฎในตำราเรียน ซึ่งหากเดินทางไปเที่ยวสุพรรณบุรีก็อยากให้ไปย้อนรอยตัวละครสำคัญของสุดยอดวรรณคดีไทยเรื่องนี้ นั่นคือ “บ้านขุนช้าง” ที่มีหลักฐานอยู่จริงภายในวัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี โดยบ้านขุนช้างอยู่ในพื้นที่บริเวณวัด บนบ้านทั้งสองแถบนั้นกั้นเป็นห้องเหมือนกับบ้านเรือนไทยโบราณ ภายในมีตู้กระจกยาวที่ใส่ของเก่าไว้มากมาย เช่น ถ้วยชาม จาน ช้อนเคลือบ แจกันเคลือบ พุทธรูปองค์ ส่วนผนังด้านบนมีภาพวาด เป็นเรื่องราวของขุนช้างขุนแผนหลายสิบภาพ และยังสามารถไปกราบนหัสการหลวงพ่อโต พระเถรชื่อดังที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสุพรรณบุรีได้อีกด้วย

แหล่งเรียนรู้ทั้ง 6 แห่ง เป็นเพียงไฮไลท์ส่วนหนึ่งของ จ.สุพรรณบุรี เท่านั้น เพราะยังมีแหล่งเรียนรู้อีกหลายแห่ง ที่สามารถแพลนเที่ยวล่วงหน้าได้อีกหลายทริป และยังไม่รวมเส้นทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติสุดอันซีน แหล่งชอปปิ้งของกินของใช้อีกมากมาย ที่ทำให้จากนี้เป็นต้นไป จ.สุพรรณบุรี จะกลายเป็นพิกัดใหม่ของนักท่องเที่ยว ที่ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ก่อนออกเดินทางไปท่องเที่ยวทุกครั้ง อย่าลืมพกบัตรมิวพาสติดตัวไปด้วย หรือจะนำบัตรไปลงทะเบียนเป็นดิจิทัลการ์ด ในแอปพลิเคชันมิวเซียมไทยแลนด์ (Museum Thailand) ก็ทำได้ เพราะนอกจากจะได้เข้าชมแหล่งเรียนรู้ได้ทั่วไทยกว่า 55 แห่งแล้ว ยังสิทธิประโยชน์อีกมากมาย ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับบัตรมิวพาสได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-225-2777 ต่อ 529 หรือที่เฟซบุ๊ค Muse Pass (https://www.facebook.com/musepass)