ยูนิลีเวอร์สนับสนุนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) หรือ SDGs โดยองค์การสหประชาชาติ ซึ่งจะช่วยขจัดความหิวโหย (Zero Hunger) และ การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health & Well – Being) เพื่อยกระดับโภชนาการและความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
นางณัฏฐิณี เนตรอำไพ ที่ปรึกษาอาวุโสส่วนองค์กรสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ยูนิลีเวอร์มีความมุ่งมั่นมาอย่างยาวนานในการทำให้วิถีการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ โดยรับผิดชอบต่อผลกระทบของธุรกิจ ยกระดับความเป็นอยู่ โดยปกป้องชุมชนและผู้คน
ซึ่งจุดประสงค์ของเราสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยสหประชาชาติในปี 2558 ซึ่งต้องการเสริมสร้างมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายที่ 2 ในเรื่องการขจัดความหิวโหย (Zero Hunger) และ เป้าหมายที่ 3 เรื่องการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health & Well-Being) บรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการ สร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีสำหรับทุกคนในทุกวัย การดำเนินการเหล่านี้ช่วยส่งเสริมการกระจายความเป็นธรรมและความเท่าเทียมกันในสังคม ชุมชน และท้องถิ่น เพื่อเสริมแนวคิดตามนโยบาย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ของรัฐบาลไทย โดยเราบริจาคผลิตภัณฑ์คนอร์และเบสท์ฟู้ดส์จำนวน 30,192 ชิ้น มูลค่า 1.14 ล้านบาท ให้กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานรับมอบ ซึ่งจะแจกจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ
สำหรับผลิตภัณฑ์ของเรา กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย มีความภาคภูมิใจที่จะบรรลุเป้าหมายความมุ่งมั่นของยูนิลีเวอร์ทั่วโลก นั่นคือการปรับสูตรผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อลดปริมาณเกลือ น้ำตาล และแคลอรีลง เพื่อให้ 70% ของผลิตภัณฑ์ของเราเป็นไปตามมาตรฐานด้านโภชนาการที่องค์การอนามัยโลกกำหนด
เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่ดีด้วยการยกระดับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก เยาวชน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ประสบภัย และผู้ด้อยโอกาสทั่วประเทศ เราหวังว่าการดำเนินการของเราในการช่วยเหลือและขจัดความหิวโหยให้ประชาชน และยกระดับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในสังคมไทยและต่อผู้คนที่เราให้บริการ นางณัฏฐิณีกล่าวเสริม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (นายจุติ ไกรฤกษ์) กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับพี่น้องประชาชน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าของแต่ละครัวเรือน ทั้งนี้ ความยากจนคือความเดือดร้อนทุกเรื่องที่พี่น้องประชาชนประสบปัญหาอยู่โดยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง โดยการแก้ไขปัญหาแบบพุ่งเป้า 5 ด้าน ได้แก่ ด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ การศึกษา รายได้ และการเข้าถึงบริการภาครัฐ รวมถึงปัญหาความเดือดร้อนอื่น ๆ เช่น ความต้องการในด้านอาหารซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของประชาชน จึงจำเป็นต้องบูรณาการร่วมกันภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาแบบพุ่งเป้าเดียวกันโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สร้างประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างครอบคลุม ทั่วถึง และเท่าเทียม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ บริษัทยูนิลีเวอร์ได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์คนอร์และเบสท์ฟู้ดส์ให้กับกระทรวง พม. เพื่อมอบให้แก่กลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการสานต่อนโยบายรัฐบาลโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในสังคมโลกมาเป็นเวลานาน โดยกระทรวง พม. เป็นหน่วยงานกลางในการรับบริจาคและจะส่งต่อให้กับกลุ่มเปราะบางในสังคม โดยจะเร่งนำไปมอบให้ถึงมือประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร็วที่สุด เพื่อให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค และขอขอบคุณบริษัทยูนิลีเวอร์ที่เข้ามาช่วยเหลือสังคมไทยในวันนี้ ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันบริจาคเงินและสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคมและได้รับผลกระทบจากโควิด – 19 ได้ที่ ศูนย์รับบริจาคกระทรวง พม. บริเวณชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. ถนนกรุงเกษม เขตป้อมปราบฯ กทม. และโทรศัพท์ 0 2659 6476 และศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง