อุทัยธานีอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติที่เขียวขจี ภายใต้วิถีอันเรียบง่าย พร้อมความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันงดงาม ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ต่างอาศัยพื้นที่ทางการเกษตรในการหล่อเลี้ยงชีวิต ชาวอุทัยธานีจึงมีใจ “รักษ์” ในทรัพยากรในถิ่นอาศัย กิน ใช้ ในวิถีปลอดภัย ทั้งต่อตัวเองและสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ทุกคนไปสัมผัส กับเส้นทาง “อยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี” นำเสนอแหล่งท่องเที่ยว ทั้งจุดเช็คอิน ที่กิน ที่พัก ที่ผ่อนคลายทั้งกายใจ เปิดมุมมองกว้างใหญ่ในอ้อมกอดของธรรมชาติ ท่ามกลางวิถีชุมชนอันน่าชื่นชม
เส้นทาง “อยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี” ได้คัดสรร 14 จุดเช็คอิน ฟินทั้งกายและใจ ในอำเภอเมืองอุทัยธานี อำเภอทับทัน อำเภอลานสัก และอำเภอบ้านไร่ มาให้ทุกคนได้ชื่นใจ ก่อนจะไปสัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นด้วยกัน
1.ล่องวิถีสะแกกรัง ฟังเรื่องราววิถีชาวแพ
เริ่มต้นจาก แม่น้ำสะแกกรัง อ.เมืองอุทัยธานี เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของแม่น้ำสะแกกรัง คือ วิถีชีวิตชุมชนชาวแพสะแกกรังใน อ.เมืองอุทัยธานี ที่อยู่มานานกว่า 100 ปี ส่งต่อภูมิปัญญาวิถีชาวเรือนแพจากรุ่นสู่รุ่น ชาวแพในปัจจุบันมีอาชีพที่หลากหลาย ทั้งงานรับจ้าง เลี้ยงปลา หาปลา ค้าขาย รวมทั้งภูมิปัญญาการทำเกษตรลอยน้ำ ทั้งการปลูกผักบุ้ง ผักกระเฉด และเตยหอม โดยเฉพาะการเลี้ยงปลาประชังน้ำจืด ซึ่งมีจุดกำเนิดที่แม่น้ำสะแกกรังแห่งนี้
แน่นอนว่าเมื่อมาเยือนสะแกกรังแล้ว จะต้องได้ชม ชิม ช้อป ผลิตภัณฑ์จากสายน้ำ อาทิ ปลาย่าง ปลาจ่อม และน้ำพริกปลาย่าง ที่ “แพป้าแต๋ว” จากนั้นเมื่อขึ้นฝั่งแล้วยังมีเวลา สามารถแวะชมความงดงามของ “วัดโบสถ์” ริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองอุทัยธานีมาอย่างยาวนาน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาสเมืองอุทัยธานี ชาวบ้านจึงได้ทำแพรับเสด็จที่วัดแห่งนี้ ปัจจุบันยังมีสิ่งของพระราชทานจัดแสดงอยู่ภายในวัดอีกด้วย
2.แรดได้ใจ ต้อง ปลาแรด GI อุทัยธานี
ชุมชนริมแม่น้ำสะแกกรัง บนเกาะเทโพ มีการรวมตัวของ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงปลาแรดสะแกกรังตำบลท่าซุง ซึ่งได้การรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงเป็น “ปลาแรด GI” หนึ่งเดียวในเมืองไทยจุดเด่น คือ “เกล็ดหนา หน้างุ้ม เนื้อนุ่ม แน่นหวาน” ด้วยการเลี้ยงแบบผสมผสานกับพืชผัก ผลไม้ นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาแรดให้เลือกซื้ออีกมากมาย
หากอยากชิมเมนูปลาแรด ของดีจังหวัดอุทัยธานี ที่การันตีได้ว่าไม่มีกลิ่นสาบโคลนแน่ ๆ เพราะเลี้ยงในกระชังที่มีน้ำไหลเวียนตลอดเวลา บนเกาะเทโพยังมีร้านอาหารให้เลือกชิมหลายร้าน อาทิ ร้านป้าสำราญ ที่มีสารพัดเมนูปลาแรด ปลาในท้องถิ่น รวมทั้งเมนูพื้นบ้านต่าง ๆ ให้เลือกชิม ในบรรยากาศริมน้ำอันแสนสดชื่น
Facebook/กลุ่มแปรรูปปลาตำบลท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี
3.วันวานยังชื่นใจ “อุไทย เฮอริเทจ”
ในตัวเมืองอุทัยธานี ยังเต็มไปด้วยวิถีชีวิตเรียบง่าย มีวิถีสโลว์ไลฟ์แบบที่หลายคนชื่นชอบ ท่ามกลางกลิ่นอายของวันวานจากตึกรามและสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ เช่นที่ “อุไทย เฮอริเทจ” โรงแรมที่ได้รับการออกแบบปรับโฉมจากอาคารโรงเรียนเก่าที่มีอายุราว 80 ปี จึงคงกลิ่นอายแบบวินเทจให้ผู้ที่คิดถึงวัยเด็กเข้ามาชื่นชม
ปัจจุบัน “อุไทย เฮอริเทจ” เปิดให้บริการห้องพักหลายรูปแบบ ภายใต้บรรยากาศอันอบอุ่น สะท้อนคุณค่าของเมืองอุทัยธานีผ่านเรื่องราวของโรงเรียน ข้าว และงานไม้ ทุกเช้าและเย็น ยังมีกิจกรรมเคารพธงชาติในทุกวัน นอกจากการเข้าพักแล้ว สามารถแวะมาจิบกาแฟและเครื่องดื่มในคาเฟ่ของโรงแรมได้
Facebook/uthaiheritage
4.ส่งต่อสิ่งดี ๆ สวนเกษตรอินทรีย์ รีสอร์ท
มาถึง อ.ทัพทัน นักท่องเที่ยวจะเห็นภาพของพื้นที่ทางการเกษตรอันอุดมสมบูรณ์ ที่นี่มีการทำนาทำไร่กันมาอย่างยาวนาน และมีการพัฒนาผสมผสานเป็นการเกษตรยุคใหม่ที่น่าสนใจ เปิดให้ทุกคนเข้าชม ในบรรยากาศที่เหมาะกับการพักผ่อนสไตล์บ้านไร่บ้านสวนอย่างแท้จริง
ทริปนี้ขอแนะนำ “สวนเกษตรอินทรีย์ รีสอร์ท” พื้นที่เกษตรแบบผสมผสาน ด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชาที่ว่าด้วยเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกผัก ทำสวน เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ขุดบ่อเลี้ยงปลา ในพื้นที่กว่า 26 ไร่ มีที่พักสไตล์ลอฟท์พร้อมสระว่ายน้ำเพื่อต้อนรับผู้ที่ต้องการเข้ามาชื่นชมธรรมชาติ ตื่นมาพร้อมบรรยากาศอันแสนสดชื่น และการรับประทานอาหารอร่อย ๆ จากวัตถุดิบปลอดภัยภายในสวน
Facebook/สวนเกษตรอินทรีย์ รีสอร์ท อ.ทัพทัน อุทัยธานี
5.บ้านไร่วรัญญ์รัช มุมของคนรักแคคตัส
หรือจะแวะไปที่ “บ้านไร่วรัญญ์รัช” ที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฟาร์มแคคตัสและบอนสี ตั้งอยู่กลางทุ่งนากว้างใหญ่ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะได้เรียนรู้การเลี้ยงแคคตัสและบอนสี ภายในไร่ยังปลูกผักปลอดสารพิษ และการเลี้ยงปลา ส่วนของคาเฟ่มีวิวชมนาข้าวที่จะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล แวะมาจิบกาแฟ หรือกินก๋วยเตี๋ยวอร่อย ๆ สูตรของทางร้าน ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ยังมีแพทย์แผนจีนมาเปิดให้บริการตรวจรักษาในราคาย่อมเยาอีกด้วย
Facebook/banraiwaranrach
6.หุบป่าตาด ดินแดนแห่งความเร้นลับ
จาก อ.ทับทัน เข้าสู่ อ.ลานสัก กับบรรยากาศแห่งขุนเขาและทุ่งกว้าง หันไปทางไหนก็เต็มไปด้วยความชื่นใจจากบรรยากาศที่เขียวชอุ่ม ใน อ.ลานสัก มีผืนป่าโบราณ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “อันซีนไทยแลนด์” นั่นคือ “หุบป่าตาด” ดินแดนอันเร้นลับที่ถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ.2522 โดย พระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง จากสภาพป่าที่เต็มไปด้วยต้นตาด ไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม ด้วยลักษณะของป่าที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาอันลึกลับ จึงเรียกที่นี่ว่า “หุบป่าตาด”
หุบป่าตาด อยู่ในความดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน ได้รับการประกาศจากกรมอุทยานแห่งชาติ ให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ เนื่องจากมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลกตาด้วยพันธุ์ไม้หายากหลากชนิด รวมทั้ง “กิ้งกือมังกรสีชมพู” ที่จะพบได้ในช่วงฤดูฝน นับเป็นสัตว์หายากพบได้ที่หุบป่าตาดเท่านั้น
7.เช็คอินสุดว้าว ที่จุดชมวิวบ้านชายเขา
ห่างจากหุบป่าตาดเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศแห่งขุนเขาที่โอบล้อม ท่ามกลางแปลงเกษตรผืนใหญ่ที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง เป็นที่ตั้งของจุดชมวิวบ้านชายเขา มีลานกางเต้นท์และร้านอาหารเล็ก ๆ ให้บริการ ด้วยความสดชื่นในมุมมองอลังการ จึงถูกเปรียบเทียบว่า “สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย”
8.ต้นไม้ยักษ์ คุณทวดแห่งป่า อ.บ้านไร่
มาถึง อ.บ้านไร่ เป็นอีกดินแดนของความ “อยู่ดี Green ดี” ท่ามกลางวิถีทางวัฒนธรรมอันงดงาม เมื่อมาถึงแล้ว ต้องไปรายงานตัวกับคุณทวดแห่งผืนป่า “ต้นไม้ยักษ์” ขนาด 40 คนโอบ อายุราว 300-400 ปี ยืนต้นตระหง่านท่ามกลางป่าหมากและป่าสมุนไพร มาแล้วยังแวะอุดหนุนผลผลิตจากชาวสวนชาวไร่และของดีจากชุมชนในตลาดต้นไม้ยักษ์ได้อีกด้วย
9.แจ่ว 100 สำรับ ชุมชนลาวครั่ง
ชาวบ้านลาวครั่งอาศัยอยู่ในบ้านสะนำ อ.บ้านไร่ มาอย่างยาวนาน และมีภูมิปัญญาการกินอยู่ที่เรียบง่าย แต่ก็มีสไตล์ ตั้งแต่การกินน้ำพริก หรือ แจ่ว ซึ่งดัดแปลงสูตรเป็น “แจ่ว 100 สำรับ” นั่นมาจากการผสมผสานวัตถุดิบต่าง ๆ ในหมู่บ้าน รวมทั้งวัตถุดิบตามฤดูกาล อาทิ “แจ่วมะเขือด้าน” ที่จะใช้มะเขือเจ้าพระยาลูกใหญ่ “แจ่วบักเขียเคีย” ทำจากมะเขือส้ม หรือมะเขือเครือ “แจ่วน้ำข้าวใส่หมู” ที่มีส่วนผสมของน้ำซาวข้าว ฯลฯ
10.จานใบไม้ รวมใจรักษ์บ้านสะนำ
ในละแวกบ้านสะนำ มีป่าหมากรายล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่า “ป่าหมากล้านต้น” ชาวบ้านยังเห็นว่ากาบหมากที่ร่วงหล่นลงมาเป็นขยะ น่าจะนำมาปรับโฉมเป็นของใช้ได้ จึงรวมตัวกันตั้งกลุ่มผลิตจานจากใบไม้ นอกจากกาบหมากยังใช้ใบไม้ขนาดใหญ่นำมาแปลงเป็นภาชนะ เช่น ใบไม้สัก ใบตองตึง ใบมะเดื่อกวาง ที่อยู่ในละแวกหมู่บ้าน นอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกแล้ว ชาวบ้านก็กลับมาปลูกต้นหมากกันมากขึ้น ส่งผลต่อระบบนิเวศที่ดี สร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นให้กับหมู่บ้าน (ติดต่อวิถีลาวครั่งบ้านสะนำ โทร. 06 2259 1285)
11.บ้านไร่สไตล์อินเตอร์ พิซซ่าหน้าผักกูด
เดิมทีผักกูดเป็นผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ หาเก็บได้จากป่า แต่ปัจจุบันชาวบ้านใน อ.บ้านไร่ ได้หันมาปลูกผักกูด เพื่อป้อนให้กับร้านอาหาร ปรุงเป็นเมนูโปรดของนักท่องเที่ยว เพราะเป็นผักที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งสารเคมีในการปลูก จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย แถมรสชาติยังกรอบอร่อย ปัจจุบันร้านพิซซ่าห้วยป่าปก อ.บ้านไร่ ได้นำมาต่อยอดเป็น “พิซซ่าหน้าผักกูด” และ “ผักกูดอบชีส” ใช้เป็นส่วนผสมหนึ่งของหน้าพิซซ่า กลายเป็นซิกเนเจอร์ที่ขายดิบขายดี เพราะอร่อยและเข้ากันได้ดี แถมยังใช้เตาฟืนในการอบพิซซ่าจึงหอมเป็นพิเศษ ใครอยากมาชิม ต้องมาวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น และทางร้านใช้แป้งสดแบบวันต่อวัน จำกัดเพียงวันละ 50 ถาดเท่านั้น
Facebook/พิซซ่าห้วยป่าปก
12.ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ มุมเช็คอินสุดสร้างสรรค์
เดิมทีฝายปูนกั้นน้ำแห่งนี้ ก่อสร้างขึ้นเพื่อชะลอการไหลของน้ำ เพื่อให้ชาวบ้านมีน้ำใช้ในการเกษตร แต่ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งอันเขียวขจี มีฉากหลังเป็นภูเขาอยู่ไกล ๆ ในช่วงหน้าฝนที่มีปริมาณน้ำมากจนเอ่อล้น เกิดเป็นม่านน้ำตกเล็ก ๆ ไหลลงมาจากทั้งสองฝั่งของฝายกั้นน้ำ สามารถลงไปเพื่อเล่นน้ำหรือถ่ายรูปได้ บริเวณฝายมีตลาดนัดชุมชนเล็ก ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้อุดหนุนสินค้าจากชาวบ้าน
13.ไร่ลูกรักของพ่อ ในอ้อมกอดของขุนเขา
แม้ไม่ใช่คนอุทัยธานีโดยกำเนิด แต่ด้วยความหลงใหลในอ้อมกอดของธรรมชาติใน อ.บ้านไร่ ทำให้หนุ่มบ้านไกล มาปักหลักสร้างบ้านพักสำหรับครอบครัว จากนั้นได้ขยายเป็นที่พักสำหรับต้อนรับเพื่อนฝูงและผู้ที่หลงรักในไอดินกลิ่นทุ่ง ที่โอบล้อมด้วยขุนเขา ตั้งชื่อตามไอเดียของลูกชายคนเล็ก ที่เขามักจะได้ยินคุณพ่อเรียกเขาว่า “ลูกรัก” จึงเป็นที่มาของ “ไร่ลูกรักของพ่อ” ปัจจุบันมีที่พักให้บริการหลายสไตล์ พร้อมต้อนรับอย่างไมตรี แต่ใครที่สนใจจำเป็นต้องติดต่อล่วงหน้า
(Facebook/ railookrakkongpor)
14.ตลาดซาวไฮ่ บ้านไฮ่ บ้านเฮา
“ตลาดซาวไฮ่” แหล่งรวมคนมีใจแบบฉบับบ้านไร่ เป็นตลาดที่ชาวบ้านทุกคนมีส่วนร่วม ตั้งใจนำเสนอวิถีชีวิตแบบเกษตรพื้นบ้าน อาหารท้องถิ่น พืชผักปลอดสารพิษ แหล่งรวมของกินของใช้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชาวบ้านจะนำสินค้าทางการเกษตร ทั้งของกิน ของใช้ รวมทั้งไอเดียหลากสไตล์ของผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ และผ้าทอบ้านไร่ วางจำหน่ายกันทุกวันเสาร์และอาทิตย์ พร้อมกิจกรรมน่ารัก ๆ ที่ทางชุมชนเตรียมให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม
Facebook/sawhai2018
อุทัยธานี เป็นดินแดนแห่งความสุขใจ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความเขียวขจี ผู้คนอยู่อย่างเรียบง่ายแต่มีสไตล์ แต่ละจุดหมายเต็มไปด้วยความ “อยู่ดี Green ดี” ที่อยากให้ทุกคนได้ร่วมสัมผัสความรู้สีกดี ๆ นี้ไปด้วยกัน
เส้นทางท่องเที่ยว “อยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี” สร้างสรรค์โดย MEETTHINKS (www.meetthinks.com) ติดตามภาพแห่งความสุขและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- e-book “อยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี” ได้ที่ https://online.anyflip.com/maibb/zrfn/mobile/ หรือ QR Code ด้านล่างนี้ (สำหรับการเปิดด้วยโทรศัพท์มือถือ สามารถรับชมได้ทั้งแบบหน้าเดี่ยวในแนวตั้ง และการแสดงผลแบบหน้าคู่ในแนวนอน)
- คลิปวิดีโอเส้นทางอยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี ตามลิงค์ด้านล่างนี้ https://www.youtube.com/watch?v=oz3p4FCJzbQ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุทัยธานี โทร.0 5651 4651
Facebook/TAT.Uthai