· เตรียมความพร้อมเข้าถึงทุกพื้นที่สนับสนุนโครงการดิจิทัลชุมชนด้าน e-Commerce
กรุงเทพฯ 26 มิถุนายน 2560 – บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เดินหน้านโยบาย “ไปรษณีย์ไทย 4.0” เน้นสร้างความเข้มแข็งขององค์กรจากภายใน เพื่อให้บุคลากรทุกระดับของไปรษณีย์ไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนให้ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรที่มี “มาตรฐาน ทันสมัย พึงพอใจลูกค้า” พร้อมกับเดินหน้าพัฒนาระบบงานและการให้บริการ สู่การทำงานแบบ “มีผู้ใช้บริการเป็นศูนย์กลาง” อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการปรับปรุงระบบรับฝาก ระบบงานคัดแยก ระบบงานส่งต่อ และระบบงาน นำจ่าย รวมไปถึงปรับปรุงและพัฒนารูปลักษณ์ที่ทำการไปรษณีย์ รถขนส่งไปรษณีย์ ไปรษณีย์อนุญาตเอกชนและร้านไปรษณีย์ไทย นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังเดินหน้าใช้ความเข้มแข็งด้านเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อเป็นสตาร์ทอัพแพลตฟอร์ม (Start Up Platform) สนับสนุนการเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อี-คอมเมิร์ซ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษของภาครัฐ ที่ไปรษณีย์ไทยมีแผนการขยายจุดบริการให้รองรับการขนส่งและโลจิสติกส์แบบครบวงจร
ทั้งนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้จัดประชุมคณะกรรมการ ประจำเดือนมิถุนายน 2560 โดยมีพลเอก สาธิต พิธรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นประธานในการประชุม พร้อมติดตามนโยบายการขับเคลื่อน “ไปรษณีย์ไทย 4.0” และความคืบหน้าการดำเนินงานของไปรษณีย์ไทยที่จะรองรับนโยบายดังกล่าว
พลเอก สาธิต พิธรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยถึงนโยบายการขับเคลื่อน “ไปรษณีย์ไทย 4.0” ว่า เพื่อเป็นการตอบสนองยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” ไปรษณีย์ไทย มีนโยบายการขับเคลื่อน “ไปรษณีย์ไทย 4.0” โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างความเข้มแข็งขององค์กรจากภายใน เพื่อให้บุคลากรทุกระดับของไปรษณีย์ไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนให้ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรที่มี “มาตรฐาน ทันสมัย พึงพอใจลูกค้า” ภายใต้หลักการบริหารที่โปร่งใสด้วยธรรมาภิบาล เน้นการควบคุมภายในและการกำกับดูแลกิจการที่ดีในหน่วยงาน รักษามาตรฐานการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานจากการประเมินคุณธรรมและความโปรงใส่ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของหน่วยงานภาครัฐ (ปปท.) (Integrity & Transparency Assessment: ITA) ที่ล่าสุดได้คะแนน 94.48 คะแนน อยู่ในลำดับที่ 4 จาก 140 หน่วยงานทั่วประเทศ
พลเอก สาธิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะเดียวกัน ไปรษณีย์ไทยต้องเดินหน้าพัฒนาขับเคลื่อนระบบงาน และการให้บริการ สู่การทำงานแบบ “มีผู้ใช้บริการเป็นศูนย์กลาง” สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการในยุคปัจจุบันมากที่สุด โดยต้องปรับปรุงระบบรับฝาก ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการ นำระบบ Automation มาช่วยในการปฏิบัติงาน เช่น สายพานลำเลียง เปิดบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี อาทิ ตู้รับฝากและนำจ่ายอัตโนมัติในเขตชุมชน โดยให้พิจารณาความเหมาะสมคุ้มค่าก่อนการดำเนินการ ปรับปรุงระบบงานคัดแยก ผ่านการใช้เครื่องคัดแยกอัตโนมัติเพื่อลดการใช้แรงงานคนและสามารถรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นผลภายในปี 2561 จำนวน 29 เครื่อง ปรับปรุงระบบงานนำจ่าย ให้ผู้ใช้สามารถกำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการรับสิ่งของได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังจะทำการปรับปรุงและพัฒนารูปลักษณ์ที่ทำการไปรษณีย์ ไปรษณีย์อนุญาต ร้านไปรษณีย์ไทย ให้มีความทันสมัย รองรับฟังก์ชั่นการทำงานอย่างครอบคลุม ใช้ประโยชน์จากโครงการเน็ตประชารัฐ เป็นแหล่งศูนย์กลางของชุมชนในการหาข้อมูลความรู้ เป็นแหล่งเรียนรู้ พักผ่อนหย่อนใจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ไปรษณีย์ไทยจะเติบโตคู่ไปกับชุมชน ซึ่งจะต้องสำเร็จภายในปี 2562