• เที่ยวบินใช้เวลา 3 ชั่วโมง 51 นาที นับเป็นอีกเฟสของโปรแกรมทดสอบการบินที่เข้มข้น
  • เครื่องบินเจ็ทเพื่อการพาณิชย์แบบเครื่องยนต์คู่ที่ใหญ่ที่สุดและใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดนี้ คาดการณ์ว่าจะส่งมอบได้ในปี 2021

กรุงเทพ ประเทศไทย, วันที่ 27 มกราคม 2563เครื่องบินเจ็ทใหม่ล่าสุดของโบอิ้ง ในตระกูล 777X [NYSE: BA] ประสบความสำเร็จด้วยการทะยานขึ้นสู่น่านฟ้าในวันเสาร์ที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเข้าสู่เฟสต่อไปของโปรแกรมการทดสอบการบินที่เข้มข้น ด้วยพื้นฐานจากเครื่องบินรุ่น 777 ที่ได้รับความนิยม และเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ เครื่องบินโบอิ้ง 777X ขึ้นสู่น่านฟ้าต่อหน้าคนนับพัน ณ เพนน์ ฟีลด์ เอเวอเร็ตต์ มลรัฐวอชิงตัน เมื่อเวลา 10:09 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่น โดยเที่ยวบินนี้ใช้เวลาการบินรวม 3 ชั่วโมง 51 นาที บินเหนือน่านฟ้ามลรัฐวอชิงตันก่อนที่จะลงจอด ณ สนามบินโบอิ้งฟิลด์ นครซีแอตเทิล

เครื่องบิน 777X บินอย่างสวยงาม และการทดสอบวันนี้สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก” กัปตัน ฟาน เชนีย์ หัวหน้านักบินเครื่องรุ่น 777/777X ของการทดสอบและประเมินผลของโบอิ้ง กล่าว “ขอขอบคุณทีมงานทุกท่านที่ทำให้วันนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้ขับเครื่องบิน 777X ลำใหม่นี้อีกครั้ง”

กัปตันเชนีย์ และ เคร็ก บอมเบ็น หัวหน้านักบินของโบอิ้ง ทำงานผ่านแผนงานการทดสอบอย่างละเอียดเพื่อทดสอบระบบและโครงสร้างต่าง ๆ ของเครื่องบิน ขณะที่ทีมทดสอบในซีแอตเทิลเฝ้าตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์

“ทีมงานโบอิ้งของเรานำเครื่องบินลำตัวกว้างที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาลมา และพัฒนาให้มันยิ่งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีความสามารถยิ่งขึ้น และมีความสบายยิ่งขึ้น” มร. สแตน ดีล ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยเครื่องบินพาณิชย์โบอิ้ง กล่าว “เที่ยวบินแรกของเครื่องบินรุ่น 777X ที่ราบรื่นในวันนี้ เป็นผลตอบแทนในการทำงานหนักและความทุ่มเทของทีมงาน ซัพพลายเออร์ และคู่ค้าของเราในรัฐวอชิงตัน และทั่วโลกตลอดหลายปีนี้”

หนึ่งในสี่ของเครื่องบินที่ทดสอบการบินรุ่น 777-9 คือ WH001 ขณะนี้จะได้รับการตรวจสอบก่อนการกลับเข้าสู่การทดสอบในเร็ว ๆ นี้ กองบินทดสอบซึ่งเริ่มการทดสอบบนภาคพื้นดินในเอเวอเร็ตต์เมื่อปีก่อน จะยังคงอยู่กับชุดของการทดสอบที่เข้มงวด และสภาพบนพื้นดินและบนอากาศในช่วงอีกหลายเดือนต่อจากนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของการออกแบบ

เครื่องบินรุ่น 777X ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของตระกูลโบอิ้งลำตัวกว้างที่เป็นผู้นำตลาด จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและการเผาไหม้ลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการน้อยลง 10 เปอร์เซ็นต์กว่าคู่แข่ง ผ่านเทคโนโลยีด้านอากาศพลศาสตร์ชั้นสูง และปีกที่สร้างจากวัสดุผสมคาร์บอน-ไฟเบอร์รุ่นใหม่ล่าสุด และ GE Aviation’s GE9X เครื่องยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ทันสมัยที่สุดที่เคยผลิตมา

เครื่องบินโบอิ้ง 777X ใหม่นี้ยังรวมเอาห้องโดยสารที่เป็นที่นิยมของผู้โดยสารในรุ่นโบอิ้ง 777 และโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ พร้อมด้วยนวัตกรรมมากมายเพื่อมอบประสบการณ์เที่ยวบินแห่งอนาคตอีกด้วย ผู้โดยสารจะได้เพลิดเพลินไปกับห้องโดยสารที่กว้างขวางโอ่อ่า ช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะขนาดใหญ่ที่ปิดได้อย่างง่ายดายเพื่อความสะดวกในการเข้าถึงสัมภาระต่าง ๆ ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ที่สามารถชมทัศนียภาพได้จากทุกที่นั่ง ห้องโดยสารที่พัฒนาเรื่องระดับความสูงและความชื้นที่ดีขึ้น เสียงรบกวนน้อยลงและเป็นเที่ยวบินที่ราบรื่นยิ่งขึ้น

โบอิ้งคาดการณ์ที่จะส่งมอบเครื่องบินรุ่น 777X ลำแรกในปี 2021 โดยโครงการนี้ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมด้วย 340 ยอดสั่งซื้อและพันธสัญญาจากผู้ให้บริการขนส่งพาณิชย์ชั้นนำทั่วโลก อาทิ เอเอ็นเอ, บริติช แอร์เวย์, คาเธย์ แปซิฟิก แอร์เวย์, เอมิเรตส์, เอทิฮัด แอร์เวย์, ลุฟทันซ่า, กาตาร์ แอร์เวย์ และสิงคโปร์ แอร์ไลน์ นับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อปี 2013 เครื่องบินตระกูล 777X ของโบอิ้งขายได้ดีกว่าคู่แข่งในสัดส่วนเกือบ 2 ต่อ 1

เกี่ยวกับเครื่องบินโบอิ้งตระกูล 777X

เครื่องบินตระกูล 777X ประกอบด้วย เครื่องบินรุ่น 777-8 และรุ่น 777-9 ซึ่งเป็นสมาชิกล่าสุดของตระกูลเครื่องบินลำตัวกว้างของโบอิ้ง

จำนวนที่นั่ง: รุ่น 777-8: 384 ที่นั่ง

(2 ชั้น มาตราฐาน) รุ่น 777-9: 426 ที่นั่ง

เครื่องยนต์ GE9X, ผลิตโดย GE Aviation

สมรรถนะ: รุ่น 777-8: ความเร็ว 8,730 ไมล์ทะเล (16,170 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง

รุ่น 777-9: ความเร็ว 7,285 ไมล์ทะเล (13,500 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง

ความกว้างของปีก: ขณะกางออก: 235 ฟุต 5 นิ้ว (71.8 เมตร)

ขณะจอด: 212 ฟุต 8 นิ้ว (64.8 เมตร)

ความกว้าง: รุ่น 777-8: 229 ฟุต (69.8 เมตร)

รุ่น 777-9: 251 ฟุต (76.7 เมตร)