เอมิเรตส์ กรุ๊ป (Emirates Group) ได้เปิดตัวโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับบุคลากรจำนวนมากในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยได้ประสานงานกับหน่วยงานด้านสุขภาพของดูไบและกระทรวงสาธารณสุขและการป้องกันโรค

การดำเนินการฉีดวัคซีนเริ่มต้นขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 2564 โดยมีการจัดลำดับความสำคัญให้กับบุคลากรที่มีความจำเป็น ซึ่งรวมถึงลูกเรือบนเครื่องบิน นักบินและหน่วยงานอื่น ๆ ที่มุ่งเน้นการปฏิบัติงานแนวหน้า

สายการบินเอมิเรตส์ พร้อมด้วย Dubai National Airline Travel Agency (dnata) ถือเป็นหนึ่งในองค์กรการขนส่งและบริการทางอากาศแห่งแรก ๆ ในโลกที่เสนอทางเลือกให้พนักงานฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในช่วงของการแพร่ระบาด โดยสายการบินเอมิเรตส์ และ dnata ได้ดำเนินมาตรการหลายด้านเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ ลูกค้า พนักงาน รวมถึงคนในชุมชน เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยในระดับสูงสุด การเปิดตัวโครงการฉีดวัคซีนถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่ช่วยรักษาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานสายการบิน ที่คอยให้บริการลูกค้าต้องเดินทางและอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าที่จำเป็นไปทั่วโลก

ทั้งนี้ เอมิเรตส์ กรุ๊ป ได้ดำเนินการให้พนักงานเข้าถึงการฉีดวัคซีนได้อย่างสะดวกสบายในหลากหลายจุดของบริษัททั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยการใช้วัคซีน Pfizer-BioNTech และ Sinopharm ซึ่งได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านสุขภาพของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยการนัดหมายฉีดวัคซีนจะดำเนินการ 12 ชั่วโมงต่อวัน และ 7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าบุคลากรของสายการบินได้เข้าถึงวัคซีนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่นเดียวกับประชาชนและผู้อยู่อาศัยทุกคน พนักงานของเอมิเรตส์ กรุ๊ป ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังสามารถเลือกรับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์การแพทย์และคลินิกที่รัฐบาลกำหนดได้ เนื่องจากผู้บริหารและหน่วยงานด้านสุขภาพของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีความตั้งใจที่จะให้ประชากรทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนฟรี

ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย Our World In Data ซึ่งเป็นเว็บไซต์วิจัยที่ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดระบุว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับสองของโลกในด้านอัตราการฉีดวัคซีน โดยมีปริมาณมากกว่า 19.04 โดสสำหรับประชากรทุก 100 คน และมีประชากร รวมถึงผู้อยู่อาศัยที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเกือบ 1,900,000 ครั้ง นับตั้งแต่การเปิดตัวโครงการในเดือนธันวาคม 2563 โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงดำเนินการฉีดวัคซีนตามเป้าหมาย เพื่อครอบคลุมให้กับประชากรมากกว่า 50% ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้