การท่องเที่ยวสิงคโปร์เผยมาตรการ เรียนรู้ รับมือ รอบคอบ ก่อนเปิดประเทศ

ภาพสนามบินชางงีที่มีการนำเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์เข้ามาทดลองใช้

กำลังจะเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 แล้ว ซึ่งจากพิษ โควิด-19 ทำให้เป็นปีที่การท่องเที่ยวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศซบเซาที่สุด แม้ว่าหลายประเทศจะสามารถควบคุมและรับมือการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดีจนสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่การท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักดังเดิม

สิงคโปร์คือหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถรับมือกับวิกฤติโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ก็ยังคงไม่รีบเร่งในการเปิดประเทศ โดย มร. คีธ ตัน ประธานบริหารการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board: STB) เผยว่า สุขภาพและความปลอดภัยของทั้งประชาชนชาวสิงคโปร์เองและนักเดินทางต่างชาติถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก การฟื้นฟูการท่องเที่ยวจึงเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถรีบร้อนได้ แต่ควรต้องใช้เวลาดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเห็นการระบาดระลอกใหม่ในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้เรารู้ว่าจะต้องทำงานอย่างรอบคอบที่สุดเพื่อไม่ให้ทุกสิ่งที่เราพยายามทำมาต้องพังลง

ภาพบรรยากาศการท่องเที่ยวภายในประเทศล่าสุด (สวนนกจูล่ง)

เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลสิงคโปร์ได้เริ่มคลายล็อกดาวน์เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ พร้อมทุ่มงบ 320 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 7,300 ล้านบาท โดยมุ่งสนับสนุนธุรกิจด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านกิจกรรมหรือโปรโมชั่นพิเศษต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของสิงคโปร์ในมุมมองของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลก ให้ยังคงคิดถึงประเทศสิงคโปร์ และมั่นใจในการมาเยี่ยมเยือนหากเปิดประเทศแล้ว

ในส่วนขององค์กรธุรกิจและภาคเอกชนเองก็มีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ New Normal โดยเปลี่ยนไปทำกิจกรรมในรูปแบบดิจิทัลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ตัวอย่างเช่น Zouk Singapore ไนต์คลับชื่อดังซึ่งได้ผลิตคอนเทนต์ใหม่ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์สตรีมเกม การสัมภาษณ์คนดัง คลาสสอนทำค็อกเทล หรือแม้แต่การเล่นฟิตเนส ส่วนทาง STB ก็เพิ่งจัดงานเทศกาลอาหาร Singapore Food Festival 2020 เมื่อไม่นานมานี้ โดยเปลี่ยนรูปแบบมาจัดงานเสมือนจริงซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ไฮไลต์ของงานคือมาสเตอร์คลาสสอนการปรุงอาหารเมนูเด็ดโดยเชฟชื่อดัง และเชฟระดับมิชลินในสิงคโปร์

และแม้ว่าในตอนนี้สิงคโปร์จะยังไม่ได้เปิดประเทศอย่างเป็นทางการ แต่ก็เริ่มมีการเปิดพรมแดนกับบางประเทศแล้วเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการเดินทางเพื่อธุรกิจ เช่น บรูไน และนิวซีแลนด์ และกำลังดำเนินการเจรจาจัดทำกรอบการเดินทางในเส้นทางปลอดภัย (Green Lane) กับอีกหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย รวมถึงประเทศไทยด้วย

ขณะนี้ บรรดาโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และธุรกิจทัวร์ต่าง ๆ ในประเทศสิงคโปร์ได้กลับมาเปิดดำเนินการตามปกติแล้ว แต่ยังต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมจำนวนผู้เข้าใช้บริการ การทำความสะอาดฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังต้องเตรียมหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือไว้ให้ผู้เข้าพัก พร้อมทั้งแนะนำเกี่ยวกับมาตรการเว้นระยะห่างต่าง ๆ ในตอนเช็คอินอีกด้วย ซึ่งก่อนที่สถานที่เหล่านี้จะสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ จะต้องยื่นคำขอต่อภาครัฐก่อนเพื่อให้มั่นใจว่ามีความสามารถในการปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ได้จริง ทางด้านสนามบินชางงีก็มีการนำเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์เข้ามาทดลองใช้ในระบบต่าง ๆ เพื่อให้สามารถตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกจากสนามบินได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดการสัมผัสระหว่างบุคคลจึงช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปในตัว

นอกจากนี้ STB และองค์กรทางภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังคงมอบเครื่องหมาย SG Clean เพื่อการันตีว่าสถานที่หรือธุรกิจนั้น ๆ มีการควบคุมดูแลความสะอาดและสุขอนามัยขั้นสูง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งชาวสิงคโปร์และชาวต่างชาติในการเข้าใช้บริการ ซึ่งที่ผ่านมามีสถานประกอบการกว่า 20,000 แห่งรอบเกาะสิงคโปร์ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ SG Clean ไปแล้ว

มร. คีธ ตัน ประธานบริหารการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board: STB) กล่าวว่า “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการท่องเที่ยวระหว่างประเทศจะกลับมาคึกคักในเร็ววัน ซึ่งที่ผ่านมาเราทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้กลับมาเปิดประเทศได้อย่างปลอดภัย แต่เราต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดรอบใหม่ จนส่งผลกระทบต่องานทั้งหมดที่เราได้ทำมา ผมสัญญาว่าเมื่อถึงเวลา ทุกคนจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวในสิงคโปร์ได้อย่างปลอดภัยสบายใจ เพราะเราได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างเต็มกำลัง เพื่อให้คุณท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและมีสุขภาพที่แข็งแรง”

“และแม้ว่าสิงคโปร์จะต้องรับมือกับวิกฤติโควิด-19 แต่เรายังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ในระยาว ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม เพื่อให้มั่นใจว่าสิงคโปร์จะยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ทุกคนนึกถึง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ หรือการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ”