บริษัท รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด หรือ KTBGS เป็นบริษัทในกลุ่มของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) โดยธนาคารเป็นผู้ถือหุ้น 100% บริษัทฯ เริ่มได้ให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2540 โดยใช้ชื่อว่า บริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด จนกระทั่งในเดือน มีนาคม 2558 ได้มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น บจก.รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ เพื่อให้มีความสอดคล้องตามที่พระราชบัญญัติธุรกิจ รักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558

นางอรจรรยา จันทวรสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด ได้เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินงานตามนโยบาย Corporate Theme “ห่วงใยใส่ใจคุณ” โดยมุ่งหวังสร้างองค์กรให้เป็นบ้านหลังที่สองของพนักงานโดยมี “บุคลากร” เป็นหัวใจหลักขององค์กร และนับตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาศักยภาพควบคู่ไปกับการให้ความรู้แก่พนักงานในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของการเงินส่วนบุคคล ซึ่งในปัจจุบันได้จัดให้มีโครงการ “Happy Money” โดยได้แบ่งพนักงานออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ดังนี้

  1. กลุ่มพนักงานแรกเข้า เพื่อให้รู้จักบริหารเงินตั้งแต่ได้รับเงินเดือนในเดือนแรก มีการให้ความรู้ตั้งแต่การปฐมนิเทศ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการใช้จ่ายซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานที่ทุกคนควรมี เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้มีเงินใช้อย่างพอเพียงในแต่ละเดือนโดยที่ไม่เข้าไปสู่วงจรหนี้
  2. กลุ่มพนักงานที่ทำงานอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสามารถเก็บออมให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคน อีกทั้งมีการให้ความรู้ด้านการลงทุนและสร้างรายได้เพิ่ม หากเป็นหนี้บริษัทก็มีพี่เลี้ยงทางการเงินที่คอยให้คำแนะนำวิธีลดภาระหนี้สิน
  3. กลุ่มพนักงานเตรียมเกษียณที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมให้เกษียณอย่างมีความสุข โดยการให้ความรู้ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณนั้นถือว่าไม่เพียงพอ บริษัทจึงจัดให้ผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป มาเข้าร่วมกิจกรรมเตรียมเกษียณต่าง ๆ ที่บริษัทจัดให้ ที่ผ่านมา เราได้ทำกิจกรรมเรียนรู้ด้านการเงิน ด้านสุขภาพ รวมทั้งฝึกสอนอาชีพทางเลือกเมื่อถึงวัยเกษียณ

โดยในปีนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้พากลุ่มพนักงานเตรียมเกษียณมาศึกษาดูงานที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านสารภี จ.สมุทรสงคราม ซึ่งคุณลุงสุชล สุขเกษม ผู้ก่อตั้ง ได้แนวคิดจากการน้อมนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ในการดำรงชีวิต โดยใช้เนื้อที่เพียง 1 ไร่ ทำการปลูกพืชแบบผสมผสานและเลี้ยงสัตว์ควบคู่ไปด้วย เรียกว่าใช้ประโยชน์จากทุกตารางเมตรได้อย่างคุ้มค่า จนกระทั่งภายใน 1 ปีสามารถสร้างรายได้ประมาณ 2 แสนบาท ส่งผลให้สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้

เราเชื่อมั่นว่ากิจกรรมดูงานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านสารภี ในครั้งนี้ จะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่พนักงานเตรียมเกษียณและผู้เข้ามาร่วมดูงานทุกท่าน ว่าการจะเลี้ยงชีพบนพื้นฐานของเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนที่มาก ไม่จำเป็นต้องร่ำรวย แต่หากเรายึดถือในพื้นฐานของความ พอดี พอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งหมายถึงความพอเพียงที่จะนำพาตัวเองและครอบครัวให้หาเลี้ยงชีพได้อย่างยั่งยืนและมีความสุข