ร้อยเอ็ด เพชรงามแห่งเมืองอีสาน

เมืองร้อยเอ็จ หรือร้อยเอ็ด เป็นอีกหนึ่งจังหวัดเมืองรองการท่องเที่ยว ที่มีความงดงาม และโดดเด่นด้านศิลปวัฒนธรรม ไม่แพ้หัวเมืองใหญ่ประจำภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นขนบธรรมเนียม วิถีชีวิต ตลอดจนเอกลักษณ์เมืองร้อยเอ็ด อย่างโบราณสถาน วัดวาอารามที่รายล้อมจำนวนมาก อย่างไรก็ดี ไม่เพียงแค่ชื่อ “อัญมณีด้านวัฒนธรรมเม็ดงามแห่งเมืองอีสาน” จังหวัดร้อยเอ็ด ยังถูกขนานนามเป็นอีกหนึ่งเมืองแห่งการเรียนรู้ ซึ่งภาครัฐเองเร่งพัฒนาให้มีแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสม ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการเติบโต โดยล่าสุด สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด จัดทำนิทรรศการชุดใหม่ ในชื่อชุด “นิทานจักรวาล” ซึ่งนับว่าเป็นนิทรรศการดาราศาสตร์ ฉบับไทยๆ แห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศ ที่ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรม และคติชนวิทยา เพื่อเป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมประจำเมืองร้อยเอ็ด ที่ประชาชนไม่ควรพลาดมาเที่ยวชม

นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) กล่าวว่า ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องนิทรรศการด้านดาราศาสตร์ และมีท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ซึ่งหากพิจารณาตามชื่อ “ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด” แล้ว จะพบว่า พิพิธภัณฑ์ยังขาดนิทรรศการด้านวัฒนธรรม มิวเซียมสยามเล็งเห็นถึงเอกลักษณ์ของเมืองร้อยเอ็ดที่โดดเด่นด้านวัฒนธรรม และโอกาสในการนำเสนอเรื่องราว จึงร่วมพัฒนานิทรรศการ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาในศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ ร้อยเอ็ด นั่นคือ จักรวาล โดยนำไปเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมพื้นถิ่นแบบไทยๆ จนเป็นนิทรรศการ “นิทานจักรวาล” ที่นำเสนอจักรวาลแบบไทย ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรม และวิถีการดำเนินชีวิตของชาวไทย ด้วยแนวคิดของพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ หรือ ดิสคัฟเวอรีมิวเซียม (Discovery Museum) ที่เน้นให้ผู้ชมเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านการตั้งคำถาม และชวนค้นหาคำตอบภายในนิทรรศการ

จากคติชนวิทยา สู่วิถีชาวไทยในปัจจุบัน

นายราเมศ กล่าวเพิ่มว่า “นิทานจักรวาล” เป็นนิทรรศการที่ผสมผสานความเชื่อ กับวัฒนธรรมแบบไทย ซึ่งนำเสนอจักรวาลแบบไทยๆ ที่สอดแทรกอยู่ในบทเรียน ได้แก่ “ไตรภูมิจักรวาล” เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้เข้าใจจักรวาลตามความเชื่อไทย ที่เห็นภาพได้ง่าย ชัดเจน เข้าใจมากยิ่งขึ้น และสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคติชนวิทยาดังกล่าว ที่เข้ามามีบทบาทต่อวิถีชีวิตแบบชาวไทยที่คนไทยยึดถือปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ โดยนิทรรศการดังกล่าว แบ่งออกเป็น 6 โซนจัดแสดง ดังนี้

1. ประตูสู่จักรวาล
เมื่อคุณก้าวเท้าเข้ามา จะพบกับอุโมงค์แบ็กไลท์ ซึ่งจะพาคุณเตรียมดำดิ่งสู่การเรียนรู้ “ไตรภูมิจักรวาล” จักรวาลแบบไทยๆ โดยผนังซ้ายและขวารอบตัว นำเสนอภาพกราฟิกบอกเล่าเรื่องราวการทำความดี ความชั่ว อันสะท้อนให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว “ไตรภูมิจักรวาล” เป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด และได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่คนไทยเริ่มจำความได้

2. ดินแดนในนิทาน
เมื่อผ่านประตูจักรวาลเข้ามา จะได้พบกับโซนไฮไลท์ชูโรงของนิทรรศการ ที่จะพาทุกคนไปเข้าใจกับไตรภูมิจักรวาลผ่านโมเดลไตรภูมิจักวาลที่ตั้งเด่นกลางห้อง ซึ่งจำลองแดนมนุษย์ แดนบุญ หรือสวรรค์ และแดนบาป หรือนรก ชั้นต่างๆ พร้อมกลไกเคลื่อนไหว และโมชันกราฟิก ปรากฏการณ์ตามความเชื่อ อาทิ การเกิดกลางวันกลางคืนจากการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ราหูอมจันทร์ เป็นต้น โดยสามารถเรียนรู้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในแต่ละภพภูมิ อาทิ เทวดา สัตว์หิมพานต์ และอสูรกาย เป็นต้น นอกจากนี้ บริเวณ ยังมีโมเดลจำลองทวีปทั้ง 4 ตามความเชื่อ และผนังที่ ปุ่มกดไฟ LED นำเสนอขนาดของจักรวาลไตรภูมิ เปรียบเทียบกับมนุษย์ และโลกในปัจจุบัน

3. สุดแดนมนุษย์
โซนจำลองภพคู่ขนานก่อนที่จะได้รับการตัดสินความดีความชั่ว ซึ่งเป็นสถานที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือจากมนุษย์ เช่น เปรตไฟออกปาก เปรตก้อนเนื้อ ฯลฯ โดยจำลองตุ๊กตาอสูรกาย ให้สามารถหยิบเอาไปเล่นเรียนรู้กันได้

4. แดนบาป
หลังจากโซนตัดสินโทษทัณฑ์แล้ว ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับอบายภูมิ หรือ นรก ในพื้นที่แสงแบ็กไลท์โทนร้อน ที่จะได้พบกับอสูรกาย และเรียนรู้การรับโทษทัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ ผ่านเทคนิคการนำเสนอด้วยจอฟลิป ซึ่งหมุนเปลี่ยนเวียนภาพอสูรกายแบบต่างๆ มานำเสนอ โดยคำนึงถึงกลุ่มผู้เข้าชมอย่างเด็ก และเยาวชน จึงมีการออกแบบให้ลดทอนภาพที่มีความรุนแรง ภาพล่อแหลม ลดทอนความน่ากลัว ลงเป็นตัวการ์ตูนที่น่ารัก และเข้าใจได้ง่าย
5. แดนบุญ
เคยสงสัยหรือไม่ เทวดา นางฟ้า ทำอะไรกัน…ถัดมาจากแดนบาป จะมาถึง สุคติภูมิ หรือ สวรรค์ ในตีมสีสะอาดตา ที่จะพาไปเรียนรู้สวรรค์แต่ละชั้นของจักรวาลไตรภูมิ โดยมีการเจาะรูบนผนัง เป็นกิมมิคเก๋ ให้ได้เข้าไปนอนเรียนรู้ และลองทำตัวเป็นเหล่าเทวดา และนางฟ้าในสวรรค์ชั้นต่างๆ อีกด้วย
6. สวรรค์บนดิน
จากคติชนวิทยา สู่ศิลปวัฒนธรรมไทย ในโซนการเรียนรู้ ที่สะท้อนความสัมพันธ์ที่ได้รับการประยุกต์เข้าสู่วัฒนธรรม และวิถีชีวิตชาวไทย เช่น การออกแบบบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย โบราณสถาน ซึ่งต่างล้วนได้รับแนวคิดจักรวาลไตรภูมิ ที่ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ตราบทุกวันนี้
มิวเซียมสยาม เชื่อมั่นว่านิทรรศการ “นิทานจักรวาล” จะเป็นอีกหนึ่งนิทรรศการฮิต ประจำศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ ร้อยเอ็ด และหวังว่านิทรรศการรูปแบบดังกล่าว จะเป็นอีกทางเลือกในการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ สามารถเกิดเป็นกระแสการท่องเที่ยวที่อยู่ในชีวิตคนไทยปัจจุบัน และสามารถลบคำว่า “คนไทยไม่เที่ยวพิพิธภัณฑ์” ได้ในที่สุด นายราเมศ กล่าวทิ้งท้าย

ใครผ่านไปเที่ยวร้อยเอ็ด ต้องไม่พลาด! เตรียมจูงมือทั้งครอบครัวไปเที่ยวชมนิทรรศการ “นิทานจักรวาล” ชุดใหม่นี้กันให้ได้ โดยนอกจากนิทรรศการดังกล่าวแล้ว ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด ยังมีนิทรรศการด้านวิทยาศาสตร์ และดาราศาสตร์มากมาย ให้ทุกคนได้ไปค้นหาคำตอบ ตลอดจนมีท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน ที่พร้อมให้ทุกคนสนุกกับการเรียนรู้ดาราศาสตร์แบบไม่รู้จบ

ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ “นิทานจักรวาล” ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกวันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด หมายเลขโทรศัพท์ 043-569-340 ตลอดจนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) หรือ facebook.com/museumsiamfan